หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Happy Alone นิตยสารดีๆ ที่ได้มากกว่าประสบการณ์

    

   

    Happy alone คืออะไร? 
    Happy alone เกิดขึ้นมาจากการเรียนรายวิชา การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ต้องผลิตนิตยสารขึ้นมาจริงๆ หนึ่งเล่ม ซึ่งพวกเราคิดกันว่าจะนำเสนอมุมมองแบบใหม่ๆ จึงได้คอนเซปต์ การทำอะไรด้วยตัวเองเพียงคนเดียวก็มีความสุขได้ เพราะชีวิตเรามีบางมุมที่จะต้องอยู่คนเดียวบ้าง จึงอยากจะให้ช่วงเวลานั้นมีคุณค่าและมีความสุข โดยในนิตยสารจะมีคอลัมน์เกี่ยวกับ การดูแลตัวเอง อาหาร การประดิษฐ์ของด้วยตัวเอง สัตว์เลี้ยงและแชร์ประสบการณ์เรื่องราวของการใช้เวลาในการอยู่คนเดียวในแบบต่างๆ    
    

   



    Happy alone มีทีมงานทั้งหมด 6 คน แบ่งงานกันตามหน้าที่หลัก คือ บรรณาธิการ 1 คน นักเขียน 2 คน กราฟิก 2 คน และช่างภาพ 1 คน เรารับหน้าที่กราฟิก เพราะเป็นงานที่ชอบและค่อนข้างถนัดกว่าหน้าที่อื่นๆ ในตอนแรกคิดว่าจะต้องจัดหน้ากราฟิกเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อทำงานจริงๆ ต้องทำงานทุกหน้าที่ ต้องเขียนคอลัมน์เอง ลงพื้นที่ ถ่ายภาพ เรียบเรียง และจัดกราฟฟิก ในคอลัมน์ที่รับผิดชอบ จำนวน 5 คอลัมน์
    
   
    ในขั้นแรกจะคุยกับเพื่อนในกลุ่มก่อนว่า อยากจะทำในเรื่องที่ตัวเองชอบแต่ต้องอยู่ในคอนเซปต์ Happy alone ธีมของเล่มคือ alone in love เราจึงเสนอไปว่าอยากทำเรื่องคาเฟ่แมว ทำปลอกคอสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยตัวเอง แนะนำร้านที่ทำโอโคโนมิยากิได้ด้วยตัวเอง ทำคุ้กกี้เสี่ยงทายเพื่อเป็นของขวัญในเดือนแห่งความรัก และคอลัมน์ตัดหน้าม้าสวยด้วยตัวเอง ถ้าใครรู้จักเราก็จะรู้เลยว่าเป็นเรื่องที่เราชอบทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องกิน เมื่อพูดคุยแบ่งงานกันเรียบร้อยแล้ว ก็จะแยกย้ายกันไปทำงาน ระหว่างทำมีความราบลื่น ไม่มีปัณหาเรื่องความคิดเห็นหรือเรื่องหนักใจในการทำงานร่วมกับเพื่อนในกลุ่ม ทุกคนต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ส่วนใหญ่จะทำกันเอง แต่ถ้าคอลัมไหนอยากให้เพื่อนในกลุ่มช่วยก็จะบอกกันได้ตลอดเวลา แต่จะมีปัญหาของตัวเอง เพราะไม่ถนัดในการเขียนคอลัมน์ จึงต้องไปอ่านนิตยสารหลายๆ เล่ม เพื่อศึกษาวิธีการเขียน

   
    ในการทำงานนิตยสารครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย กว่าจะออกมาเป็นนิยตสารเล่มนี้ จำนวน 96 หน้าที่ออกมา เต็มไปด้วยความตั้งใจ ความทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ความท้อในการทำงาน หลายคนอาจจะคิดว่ามันดูเกินจริง แต่ถ้าได้มาทำจริงๆ จะรู้ว่ามันเหนื่อย มันท้อ อาจเป็นเพราะเรามีวิชาอื่นที่ต้องเรียน มีงานวิชาอื่นที่ต้องทำ ช่วงแรกๆจึงจัดสรรเวลาไม่ค่อยลงตัว แต่ก็ต้องพยายามเคลียงานไปเรื่อยๆ จัดสรรเวลาให้ลงตัว จนในที่สุดก็เสร็จออกมาเป็นนิตยสาร Happy Alone 
    เมื่อได้เห็นนิตยสารออกมาเป็นรูปเล่ม จากความเหนื่อยก็แปรเปลี่ยนกลายมาเป็นความภาคภูมิใจ กลายมาเป็นการเรียนรู้การทำงานจริง การแก้ปัญหา มิตรภาพใหม่ๆในการทำงานร่วมกับเพื่อนที่ไม่เคยทำงานด้วย ความรู้สึกนี้ไม่สามารถบรรยายออกมาได้หมด คุณต้องได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง

    " สุดท้ายนี้อยากขอบคุณอาจารย์ที่ให้คำปรึกษา ที่สอนให้ได้รู้จักกกับประสบการณ์การทำงานใหม่ๆ ค้นพบความชอบของตัวเอง ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต "

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ThaiKids พัฒนาทักษะเด็กไทย

    
    


    ThaiKids พัฒนาทักษะเด็กไทย
    เป็นApplication บนมือถือและ Tablet ในระบบ Androidช่วยพัฒนาทักษะพื้นฐานด้านภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สีสัน รูปทรงและตัวเลข สำหรับเด็กในวัยอนุบาลและวัยประถมศึกษาซึ่งในอนาคตก็จะมีการพัฒนาเนื้อหาเพิ่มเติมอีก
    

    
    

    






Application นี้จะแบ่งเป็น 
ฝึกอ่าน เรียนรู้ แบ่งเป็นเมนูย่อย 9 เมนู 








- ฝึกท่อง ก.เอ๋ย ก.ไก่ 
- ฝึกท่อง ก. - ฮ. 
- ฝึกนับ จำนวน 1 – 10 
- รู้จักตัวเลข 1 – 20 
- รู้จักตัวเลขไทย ๑ – ๒๐ 
- เรียนรู้ ABC 
- เรียนรู้ abc 
- เรียนรู้สี ต่างๆ 
- รู้จักรูปทรงพื้นฐาน
    ภายในเมนูจะประกอบไปด้วยภาพ เมื่อกดภาพก็จะมีเสียงที่สัมพันธ์กับภาพดังขึ้นมา เช่น ในเมนูฝึกท่อง ก.เอ๋ย ก.ไก่ จะมีภาพตัวอักษรและภาพการ์ตูน ทั้ง 44 ตัว เมื่อกดที่ ก.ไก่ ก็จะมีเสียงว่า ก.เอ๋ย ก.ไก่ ปรากฎขึ้นมาให้เด็กอ่านตาม


  ฝึกฝน ทดสอบ แบ่งเป็นเมนูย่อย 7 เมนู 

- ทดสอบ ก. - ฮ. 
- ทดสอบนับเลข 1 – 10 
- ทดสอบนับเลขไทย 
- ทดสอบ ABC 
- ทดสอบ abc 
- ทดสอบเรื่องสี 
- ทดสอบเรื่องรูปทรง 
    ภายในเมนูจะเป็นการทดสอบในลักษณะให้ฟังเสียง แล้วกดเลือกตัวเลือกตามเสียงที่ได้ยิน

    



    ข้อดีของ Application ThaiKids พัฒนาทักษะเด็กไทย 
    ช่วยฝึกทักษะด้านพื้นฐานของเด็กปฐมวัย ให้เกิดการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา มีภาพประกอบที่มีสีสัน เหมาะสมกับวัย มีเสียงประกอบที่ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่เร็วขึ้น เด็กจะเกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้ 
    
    ข้อควรปรับปรุงของ Application ThaiKids พัฒนาทักษะเด็กไทย 
    ควรปรับปรุงให้เหมาะสมกับเด็กวัยต่างๆ ให้มีความหลากหลายมากกว่านี้ ในด้านกราฟิก ควรออกแบบให้มีรูปแบบที่น่ารักกว่านี้ จะทำให้ดึงดูดความสนใจจากเด็กได้มากกว่าเดิม Application นี้ ใช้บนมือถือและ Tablet ในระบบ Android ซึ่งอาจจะทำให้เด็กเสียสายตาได้ถ้าใช้นานๆ ควรออกแบบให้ใช้ได้กับโทรทัศน์ ที่ใช้ได้กับทุกระดับครอบครัว 
  
    การนำไปใช้ 
    สำหรับตัวฉัน Application นี้ เป็นประโยชน์มากในการให้สอน หลานๆ ในวัยอนุบาล ทำให้เด็กสนใจที่จะเรียนรู้กว่าวิธีสอนแบบเดิม เพราะ Application นี้ มีทั้งภาพและเสียง สามารถเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ที่เด็กอยากเรียน เนื่องจากตัวฉันและครอบครัวไม่ว่างที่จะมาสอนหลานได้ตลอดเวลา แต่ในการใช้ Application ก็ต้องควบคุมการใช้ให้เหมาะสม เพราะถ้าใช้ Application ในเวลานานๆก็จะเกิดผลเสียต่อพัฒนาการทางสมองและร่างกายได้ ดังนั้นควรใช้ Application ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมอื่นๆ ด้วย



“ Application มีข้อดีมากมาย แต่ก็แฝงไปด้วยข้อเสียเช่นกัน ดังนั้นควรพิจารณาให้ดีก่อนนำไปใช้ ”











วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Cataholic Cafe คาเฟ่แมวก็ให้ความรู้นะ





   
    
    ร้าน Cataholic Cafe ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 หรือถนนเพชรบุรีตัดใหม่ 
(ซอยพร้อมพงษ์ใกล้ตึกอิตัลไทย) ามารถนั่งรถไฟฟ้าBTS ลงสถานีพร้อมพงษ์ แล้วต่อมอเตอร์ไซต์เข้ามาในโครงการ ร้านจะตั้งอยู่ในโครงการ Ozono Plaza ชั้น
เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.30.-21.00. ปิดทุกวันจันทร์

  
    ร้าน Cataholic Cafe เป็นร้านคาเฟ่แมว ที่มีน้องแมวของทางร้านให้เราได้เล่นอย่างอิสระ โดยภายในร้านจะตกแต่งสไตส์ญี่ปุ่น ใช้โทนสีครีม และเฟอร์นิเจอไม้น่ารักๆ เรียงรายด้วยโต๊ะญี่ปุ่น โซฟาตัวเตี้ยและเบาะรองนั่ง ทำให้คุณใกล้ชิดกับน้องแมวได้สะดวก ทำให้บรรยายกาศภายในร้านสบายๆ เหมือนกับอยู่ที่บ้าน มีอาหาร ขนม และเครื่องดื่มที่หลากหลายไว้บริการไม่ว่าจะเป็น สปาเกสตี้ เค้ก พาย แซนวิชขนมปังปิ้งที่ตกแต่งออกมาให้น่ารัก เครื่องดื่มก็มีทั้งชา กาแฟ โกโก้ และชาเขียวสูตรเด็ดของทางร้าน เมื่อบรรยายมาถึงตรงนี้แล้ว คงคิดกันใช่มั๊ยคะว่าคาเฟ่แมวแห่งนี้เกี่ยวอะไรกับแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้จริงๆ แล้วแหล่งเรียนรู้อยู่รอบตัวเรา เพียงแต่ว่าคุณจะสามารถใช้สิ่งเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์ได้มากแค่ไหน


    











    






    Cataholic Cafe จัดว่าเป็นแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทอาคารสถานที่ 
จุดประสงค์ที่เปิดร้าน cataholic ขึ้นมา เพราะสมัยก่อนเจ้าของร้านอยากเลี้ยงแมวมาก แต่ที่บ้านไม่ให้เลี้ยง เลยเกิดไอเดียเปิดร้านสำหรับคนรักแมว เพื่อจะได้ให้เค้าเข้ามาสัมผัส ใกล้ชิด ได้เล่นกับแมว เหมือนเวลาที่เราอยากเลี้ยงแมวแล้วไม่ได้เลี้ยง จะได้มีส่วนช่วยเติมเต็มความรู้สึกเหล่านี้ให้ใครหลายๆ คน แต่ถ้าเรามองให้ลึกกว่านั้น ร้านนี้ให้ความรู้เรื่องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับเด็กวัยประถมถึงมัธยม เพราะในช่วงวัยนี้จะมีการจัดสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีในเรื่อง การเลี้ยงสัตว์ในบริเวณบ้าน ซึ่งจะให้เด็กเรียนรู้ที่จะศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ที่ต้องการเลี้ยง เพื่อช่วยให้สามารถดูแลสัตว์ได้ถูกต้อง และเหมาะสมกับชนิดของสัตว์ ที่นี่จะตอบสนองกับเด็กที่ที่บ้านไม่มีสัตว์เลี้ยง ทำให้ได้สัมผัสกับสัตว์เลี้ยงจริงๆ และคอยสังเกตพฤติกรรมต่างๆ ของแมว โดยที่นี่จะเป็นการเลี้ยงแมวในระบบปิด ทำให้มีความชัดเจนในเรื่องของกิจวัตรของแมว เช่น เรื่องของเวลาในการทานอาหารและเวลาในการพักผ่อน โดยที่นี่จะจัดสรรเวลาอย่างชัดเจน เมื่อถึงเวลาทานอาหารของน้องแมว พนักงานก็จะนำอาหารมาวางไว้ น้องแมวก็จะรู้เวลาที่จะต้องทาน ส่วนน้องแมวตัวไหนที่พนักงานเห็นว่าจะต้องพักผ่อนก็จะนำเค้าเข้าไปในห้องกระจกสำหรับพักผ่อนของน้องแมวภายในร้าน ที่นี่จะเน้นเรื่องความสะอาดมาก การทำความสะอาดในร้านจะมีความละเอียด น้องแมวทุกตัวก็จะได้รับการอาบน้ำทุกอาทิตย์ โดยในร้านจะแบ่งโซนน้องแมวจะไม่เข้าไปยุ่งในส่วนของห้องครัว

    






    




    นอกจาก Cataholic Cafe จะช่วยให้เด็กได้สังเกตพฤติกรรมของแมวแล้ว ที่นี่ยังช่วยสอนวิธีการปฏิบัติตัวให้เหมาะสมในการเลี้ยงแมวอีกด้วย เพราะภายในร้านมีกฎที่ควรปฏิบัติต่อน้องแมว คือ 
    1. ก่อนเล่นแมวต้องเลี้ยงมือทุกครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดีต่อตัวแมวและตัวผู้เลี้ยงหรือผู้ที่สัมผัสแมว 
    2. ไม่รบกวนระหว่างที่น้องแมวหลับหรือทานอาหาร เพราะเค้าจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่วนการไปรบกวนระหว่างน้องแมวทานอาหารอาจจะโดนกัดได้ 
    3. ห้ามเล่นกับน้องแมวแรงๆ เช่นดึงหาง เพราะจะทำให้แมวป่วยได้ 
    4. ห้ามให้น้องแมวทานขนมพวกช๊อคโกแลต เพราะไม่ดีต่อสุขภาพของแมว 
    5. ควรเอาใจใส่ผู้อื่นภายในร้าน ไม่ส่งเสียงดังรบกวน เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้โดยเฉพาะกับเด็ก เมื่อมีข้อที่ควรปฏิบัติตามอย่างชัดเจนแบบนี้ ก็จะช่วยให้เด็กรับรู้และเป็นการฝึกการปฏิบัติตัวต่อสัตว์เลี้ยงไปโดยปริยาย ส่วนการไม่ส่งเสียงดังรบกวน ก็จะช่วยในเรื่องของการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น นอกจากนี้เรายังสามารถสอบถามเรื่องต่างๆ ได้จากพนักงานในร้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ชื่อของน้องแมว สายพันธุ์ การเลี้ยง การอาบน้ำ เพราะพนักงานจะเป็นผู้ดูแลน้องแมว ความรู้ที่ผู้เรียนจะได้รับ จาก
การบูรณาการวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ก็จะเป็นในเรื่องของ พฤติกรรมของแมว การเลี้ยงดูและการปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งก็จะตรงกับสาระการเรียนรู้แกนกลาง ทักษะการแสวงหาความรู้ซึ่งประกอบด้วย การศึกษา ค้นคว้า รวบรวม สังเกต สำรวจ และบันทึกเพื่อใช้ในการพัฒนาการทำงาน ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาในการทำงานที่มีขั้นตอน คือ การสังเกต วิเคราะห์ สร้างทางเลือกและประเมินทางเลือก ในเรื่องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้แบบนี้ ทำให้ได้รับความผ่อนคลาย ความสนุกและความเพลิดเพลิน ที่แฝงไปด้วยความรู้มากมาย ช่วยทำให้ลดเวลาในการเรียนรู้ ไม่น่าเบื่อ สามารถเรียนได้ทุกเวลา ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีอิสระที่จะเลือกในสิ่งที่สนใจ ทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ 
    "ความรู้อยู่รอบตัวคุณ" 
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก รายการ iSudd

  

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

NO MOVIE NO LIFE โปสเตอร์ของเด็ก 6 ขวบ



    No movie No life เป็นโปสเตอร์อย่างเป็นทางการของ The 6th World Film Festival of Bangkok หรือเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพครั้งที่ 6 ที่จัดประกวดขึ้นทุกปี
    เทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพ แต่เดิมใช้ชื่อว่า เทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพฯ (Bangkok Film Festival) จัดฉายภาพยนตร์ทั่วทุกมุมโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมศิลปะภาพยนตร์และวัฒนธรรมการชมภาพยนตร์ ให้มีความทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
    ในทุกๆ ปี เทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพ จะจัดประกวดการออกแบบโปสเตอร์อย่างเป็นทางการของงาน โดยผลงานต้องสื่อถึงภาพของงานนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ โปสเตอร์ของงานปีที่ 6 ที่มีชื่อผลงานว่า No movie No life ซึ่งโปสเตอร์นี้เป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมาก ว่าชนะการประกวดได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ผลงานอื่นใช้เทคนิคขั้นเทพ ออกแบบอย่างสวยงามและสร้างสรรค์ แล้วทำไมโปสเตอร์ที่เหมือนภาพวาดเด็กเล่นแบบนี้ถึงชนะการประกวด โปสเตอร์นี้เป็นฝีมือเด็กจริงๆ ค่ะ เจ้าของผลงานอายุแค่ 6 ขวบเท่านั้น โดยผลงานนี้สร้างสรรค์ด้วยโปรแกรม Paint เพียงอย่างเดียว


ภาพโปสเตอร์อย่างเป็นทางการ ปีที่ 1 ถึง ปีที่ 6

    ในมุมมองของฉันคิดว่าโปสเตอร์นี้ ถ้าดูแบบละเอียดก็จะเข้าใจว่าทำไมถึงชนะการประกวด โดยความคิดที่สื่อออกมาเป็นความคิดแบบเด็กๆ ทำให้สื่อออกมาชัดเจน เข้าใจง่าย สอดคล้องกับภาพที่นำเสนอในโปสเตอร์ ที่ว่า ไม่มีหนัง ไม่มีชีวิต และรูปแบบของโปสเตอร์เป็นงานที่กล้านำเสนอ ทำให้เกิดความใหม่ จะสังเกตได้จากโปสเตอร์ที่ชนะการประกวดในงานครั้งก่อนๆ จะเป็นแนวเดียวกันคือ โปสเตอร์กราฟิกที่เห็นได้ทั่วไป
    ฉันคิดว่างานโปสเตอร์นี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายๆ คน ที่มีความคิดดีๆ แต่ไม่ถนัดกราฟิก เพราะในปัจจุบันนี้งานการออกแบบต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จ ส่วนมากจะถูกตัดสินด้วยเทคนิคที่เหนือชั้น ทำให้คนที่ไม่ถนัดด้านกราฟิกหมดโอกาสในการแสดงผลงาน แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะมีความคิดที่แปลกใหม่ก็ตาม

    สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคน "กล้า" ที่จะสร้างสรรค์ผลงานโดยที่ไม่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ หรือเทคนิคอะไรให้มากมาย

ข้อมูลจาก http://www.worldfilmbkk.com/

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คอมพิวเตอร์ เหยื่อโจร


    

     ข่าวคอมพิวเตอร์ ปล้นแบงก์ 1,250 ล้าน
     ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 15 พฤษภาคม 2556
     จากประโยคหนึ่งในข่าวข้างต้น "แทนที่จะใช้หน้ากากบังหน้า โจรพวกนี้ได้หันมาใช้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กกับอินเตอร์เน็ตแทน" คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ที่ทำให้ชีวิตคนเราง่ายขึ้น เพียงแค่ปลายนิ้ว มีคุณประโยชน์มากมาย แต่ปัจจุบันนี้ คอมพิวเตอร์ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม หรือใช้กระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หมิ่นเหม่ต่อคุณธรรม  และเมื่อใช้ร่วมกับอินเตอร์เน็ตยิ่งทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง

 
     อาจเรียกได้ว่า "คอมพิวเตอร์" ได้ตกเป็นเหยื่อของ "โจร" ในการใช้ไปกระทำผิด 


     การกระทำอย่างในข่าว เป็นการก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ มีการ แทรกแซงข้อมูลนั้นมาเป็นประโยชน์ต่อตนโดยมิชอบ การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต และยังผิดจริยธรรมทางคอมพิวเตอร์มากมายหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็น การใช้คอมพิวเตอร์ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น โดยละเมิดความเป็นส่วนตัว ความเป็นเจ้าของ ใช้คอมพิวเตอร์ในการโจรกรรม แสดงให้เห็นว่า ถ้านำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในทางที่ผิดจะสร้างความเสียหายได้ขนาดไหน แม้จะมีจริยธรรมทางคอมพิวเตอร์ ทั้งที่เป็นกฎหมายและข้อตกลงร่วมกัน ก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งการกระทำเหล่านี้ได้  เพราะโลกของอินเตอร์เน็ตมีผู้ใช้ทั่วโลก จึงมีกลุ่มคนที่ไม่มีคุณธรรม จ้องจะใช้ประโยชน์อยู่ แต่ก็ไม่มีใครที่รอดพ้นจากกฎหมายไปได้ เมื่อลงมือกระทำผิด
 

     จากบทความนี้ ก็อยากจะให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ตระหนักถึง คุณธรรมและจริยธรรม อย่าไปละเมิดความเป็นความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น  เพราะถ้าเราโดนละเมิดความเป็นส่วนตัวบ้าง เราก็คงไม่ยินดีเช่นกัน









   

 

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

แนะนำสื่อการเรียนการสอน ชุด เติมสีสันให้บ้านน่าอยู่

สื่อการสอน เรื่อง เติมสีสันให้บ้านน่าอยู่ เป็นเนื้อหาที่เหมาะสมกับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในรายวิชาการงานพื้นฐานอาชีพและเทคโนโลยี

 >>> เป็นสื่อที่ให้ความรู้ในเรื่องการเลือกใช้สีให้เหมาะสมกับห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน

         จุดประสงค์

 >>> เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการเลือกสีของห้องได้จริง 

 >>> เพื่อให้รู้อิทธิพลของสีและความสัมพันธ์ของสีต่อห้องต่าง ๆ




ฝึกงาน ฝึกประสบการณ์